การประคับประคองดูแลร่างกาย และจิตใจให้พร้อมสำหรับการต้อนรับเจ้าตัวเล็ก เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ไม่ว่ากิจกรรมใดที่เคยชอบทำเป็นประจำ แต่เมื่อทำแล้วรู้สึกว่าจะกระทบกับลูก คุณแม่ตั้งครรภ์ ก็จะหยุดเรื่องเหล่านั้นทันที แต่ถึงการดูแลจะดีแค่ไหนถ้าหาก คุณแม่ เกิด ภาวะครรภ์เป็นพิษ ขึ้นมาแล้วก็อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป เพราะเราจะแนะนำเรื่อง รู้เท่าทันภาวะครรภ์เป็นพิษพร้อมวิธีรับมือ เพื่อให้ คุณแม่ คลายความวิตกที่อาจเกิดกับลูกน้อย
รู้เท่าทันภาวะครรภ์เป็นพิษพร้อมวิธีรับมือ
ความหมายของภาวะครรภ์เป็นพิษ
คู่แต่งงานใหม่อาจเคยได้ยินเรื่อง ภาวะครรภ์เป็นพิษ มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เพราะคู่รักในสมัยนี้มักจะเตรียมความพร้อมก่อนมีลูกอยู่แล้ว แต่บางคนที่เคยได้ยินก็อาจไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันคืออะไร โดย ความหมายของภาวะครรภ์เป็นพิษ ก็คือ การเกิดภาวะความดันโลหิตสูง > หรือ = 140 / 90 มิลลิเมตรปรอท บวกกับโปรตีนในปัสสาวะของ คุณแม่ ที่มีอายุครรภ์ > 20 สัปดาห์ – หลังคลอด 1 สัปดาห์ และภาวะนี้จะค่อย ๆ หายไปหลังคลอด
สาเหตุของภาวะครรภ์เป็นพิษ
ในทางการแพทย์แล้ว สาเหตุของภาวะครรภ์เป็นพิษ ยังไม่แน่ชัดมากนัก แต่จากการสันนิษฐานอาจเกิดจากโปรตีนบางตัวที่ไม่สมดุลกัน จนทำให้ภูมิคุ้มกัน / ฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ / หลอดเลือดผิดปกติ และไม่สามารถสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงรกได้เพียงพอ
6 ประเภทความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์
– คุณ แม่ตั้งครรภ์ ที่เคยตรวจเจอ ครรภ์เป็นพิษ มาก่อน
– คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีน้ำหนักมากเกินไป
– คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีโรคประจำตัวก่อน เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง
– คุณแม่ตั้งครรภ์แฝด
– คุณแม่ตั้งครรภ์ อายุน้อยกว่า 18 ปี และมากกว่า 35 ปี
– คุณแม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก
อาการภาวะครรภ์เป็นพิษ
การแสดงออกของ อาการภาวะครรภ์เป็นพิษ จะไม่แสดงอาการภายนอกให้เห็น แต่ถ้ามีการพบแพทย์อยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้ทราบได้ว่าในตอนนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิด ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือไม่ ทั้งนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีอาการบวมน้ำ หรือมีความดันโลหิตสูงเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าสังเกตตัวเองแล้วมีเรื่องต่อไปนี้ ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาทางในการรักษาทันที
1. น้ำหนัก ถ้าน้ำหนักเพิ่ม > หรือ = 1 กิโลกรัม / สัปดาห์
2. คลื่นไส้ / อาเจียน เยอะกว่าปกติ
3. อาการบวม พบเห็นได้ชัดตามใบหน้า, มือ, ข้อเท้า, เท้า
4. ปวดหัว กินยาแก้ปวดแล้วแต่ไม่บรรเทา
5. สายตา มีอาการพร่ามัว – มองไม่เห็นชั่วขณะ
6. แน่นหน้าอก รวมไปถึงลิ้นปี่
7. ชักกระตุก เป็นขั้นรุนแรงที่สุดจนอาจเกิดเลือดออกในสมอง
ส่วนในบางรายก็อาจเกิดโรคแทรกซ้อนกับทารก เช่น การเจริญเติบโตช้า, คลอดก่อนกำหนด, หัวใจเต้นช้า ไปจนถึงอาจทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์
การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษ
การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษ มีอยู่ 2 แบบ คือ
1. ภาวะครรภ์เป็นพิษแบบไม่รุนแรง เป็นการรักษาโดยการเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เว้นแต่จะมีอาการอื่น ๆ เช่น แน่นหน้าอก
2. ภาวะครรภ์เป็นพิษแบบรุนแรง ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพราะแพทย์จะได้ประเมินอาการได้อย่างใกล้ชิด และได้จ่ายยาป้องกันหลอดเลือดในสมองแตก กับยาป้องกันการชัก บางรายที่อาการหนักอาจถึงกับต้อง ยุติการตั้งครรภ์
การป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ
การป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ อาจจะยังไม่มีคำแนะนำที่ได้ผลชัดเจน มีเพียงวิธีที่จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ คุณแม่ ควรปฏิบัติ ดังนี้
1. รสชาติอาหาร ลดอาหารที่มีรสเค็มจัด ถ้างดได้เลยยิ่งดี
2. ดื่มน้ำ อย่างน้อย 8 แก้ว / วัน เว้นแต่ คุณแม่ ที่ถูกจำกัดปริมาณน้ำ
3. เสริมโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์, ไข่, นม, ตับ และงดไขมันต่าง ๆ
4. การนอน ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ
5. ออกกำลังกาย ที่เป็นกิจกรรมเบา ๆ อย่างการเดิน หรือโยคะสำหรับคนท้อง
6. ยกขาสูง เพื่อให้เลือดลมเดิน ซึ่งจะทำขณะที่นอนก็ได้
7. งดแอลกอฮอล์ / คาเฟอีน เช่น ชา, กาแฟ
8. ฝากครรภ์ และเข้าพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และทำตามคำแนะนำ