ออทิสติกเทียมเป็นยังไง

ออทิสติกเทียมเป็นยังไง หาคำตอบกันได้ในบทความนี้

ออทิสติกเทียมเป็นยังไง คำถามนี้หลายครอบครัวยังสงสัย เพราะคนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับคำว่า “ออทิสติก” ที่หมายถึงภาวะพัฒนาการผิดปกติทางสมองของเด็ก แต่ “ออทิสติกเทียม” กลับมีต้นเหตุและแนวทางที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง วันนี้ Happybabys แม่และเด็ก จะขอพาท่านผู้อ่านทุกท่าน ไปทำความเข้าใจในเรื่องภาวะออทิสติกเทียม การสังเกตพฤติกรรมและสัญญาณสำคัญ ที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเด็กเสี่ยงต่อการเป๋นออทิสติกเทียวหรือไม่ หากท่านผู้อ่านเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกแล้ว เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า บทความจะเป็นประโยชน์อย่างมากแน่นอน ลองไปอ่านเนื้อหาของพวกเราต่อได้เลยค่ะ

ทำความเข้าใจในภาวะออทิสติกแท้กันก่อน

ในทุกประเทศทั่วโลก ล้วนมีแนวโน้มที่จะมีเด็กที่เกิดมาพร้อมกับภาวะออทิสติกแท้ และมักจะพบในเด็กเพศชายมากกว่าเด็กเพศหญิง แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคนี้ก็ตาม แต่ได้มีการระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมภาวะออทิสติกแท้ไว้ ดังนี้

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะออทิสติกแท้ประมาณ 20% มีความผิดปกติจำเพาะส่วนโครโมโซม ซึ่งสามารถส่งต่อกันทางพันธุกรรมได้ แม้แต่พ่อแม่ที่อายุมากก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะมีลูกเป็นออทิสติก
  • ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ภาวะแทรกซ้อนจากยาบางชนิด ที่คุณแม่รับเข้าร่างกายในขณะตั้งครรภ์ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลูกเกิดมาเป็นออทิสติกได้ด้วยเช่นกัน

สามารถสังเกตอาการของเด็กที่เป็นออทิสติกแท้ได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ โดยเด็กจะอยู่ในโลกของตัวเอง เรียกไม่หัน ไม่สบตา พูดช้า พูดซ้ำ ๆ วนไปวนมา สนทนาแบบต่อเนื่องไม่ได้ ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ ไม่ยืดหยุ่น หากกิจวัตรที่เคยทำเปลี่ยนไป เด็กจะแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หงุดหงิด อารมณ์เสีย และโวยวาย แต่ 10% ของเด็กออทิสติกมักพบว่า พวกเขามีความสามารถพิเศษ

สาเหตุของการเกิดภาวะออทิสติกเทียม

หลังที่จากทุกท่านรู้สาเหตุของการเกิดภาวะออทิสติกแท้กันแล้ว คราวนี้ เราจะมาขยายความในประเด็นหลักที่ว่า ออทิสติกเทียมเป็นยังไง เพราะสาเหตุของการเกิดภาวะออทิสติกเทียมนั้น มีความแตกต่างกับภาวะออทิสติกแท้อย่างชัดเจน และสาเหตุของภาวะออทิสติกเทียม คือพฤติกรรมการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นหลัก ลองมาดูกันว่า แนวทางการเลี้ยงดูลูกแบบใดบ้างที่ทำให้ลูกเสี่ยงมีภาวะออทิสติกเทียม

  • ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงลูกเป็นหลัก พบได้บ่อยในกรณีของพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก และเลี้ยงดูลูกด้วยโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ลูกจึงได้รับการสื่อสารทางเดียว เล่นคนเดียว ไม่มีโอกาสได้เล่นกับเพื่อน ไม่ได้ฝึกเข้าสังคมอย่างเหมาะสม
  • คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยการตามใจ ไม่มีการฝึกหรือสอนให้ลูกลองช่วยเหลือตนเอง
  • คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงลูกจนเกินความพอดี สั่งห้ามไม่ให้ลูกทำอย่างนั้นอย่างนี้ จนเด็กเกิดความกลัว ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยตัวเอง
  • คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยได้สื่อสาร พูดคุย หรือเล่นกับลูก
  • คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลูกออกไปเล่นนอกบ้าน ทำให้ลูกไม่มีเพื่อน และไม่รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม

ออทิสติกเทียมเป็นยังไง อาการของเด็กเป็นแบบใด

อาการของภาวะออทิสติกเทียม มีความคล้ายคลึงกับภาวะออทิสติกแท้ในบางประการ แต่ถ้าหากมีการเช็คประวัติครอบครัวหรือเช็คประวัติของเด็กว่า มีความผิดปกติทางสมองขณะที่อยู่ในครรภ์หรือไม่ ถ้าหากไม่มีประวัติดังกล่าว พฤติกรรมเหล่านี้ของเด็ก ถือเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายภาวะออทิสติกเทียม

  • เรียกไม่หัน ไม่สบตากับใคร ไม่สนใจใยดีใคร
  • ชอบพูดเป็นภาษาต่างดาว พูดซ้ำ ๆ หรือพูดเลียนแบบโดยไม่เข้าใจความหมาย ไปจนถึงพฤติกรรมการเล่นที่ไม่สมวัย
  • ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นแบบแผน ไม่มีความยืดหยุ่น หากสนใจในบางอย่าง จะสนใจจนถึงขั้นหมกมุ่น
  • ชอบพูดเหมือนทำนองเพลง ท่องเนื้อเพลงและตัวอักษรต่าง ๆ ได้ แต่ไม่เข้าใจความหมาย
  • เล่นของเล่นในรูปแบบเดิม ๆ ชอบเล่นคนเดียว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนวัยเดียวกันเลย

แนวทางการเลี้ยงดูลูกให้ห่างจากภาวะออทิสติกเทียม

  • งดสื่อหน้าจอทุกชนิดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หากอายุมากกว่า 2 ปีให้ดูจอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
  • พ่อแม่ต้องเล่นกับลูกให้มากขึ้น สื่อสารกับลูก โดยเว้นจังหวะให้ลูกได้สื่อสารกลับมาด้วย
  • ทำกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะร่วมกัน ฝึกให้เด็กมองหน้า สบตาเวลาสื่อสารกัน หรือหาเวลาออกกำลังกายด้วยกันได้ยิ่งดี
  • เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกันบ้าง เพื่อให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าสังคม  

และนี่คือการตอบข้อสงสัยเบื้องต้นในประเด็นที่ว่า ออทิสติกเทียมเป็นยังไง สิ่งสำคัญที่เราอยากบอกกับทุกท่านคือ การส่งเสริมจากครออบครัวคือพลังและเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกสามารถหลีกเลี่ยงภาวะออทิสติกเทียม ผู้ปกครองควรสังเกต ใส่ใจ และให้เวลากับลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะเด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมสามารถรักษาให้หายได้ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ปรับพฤติกรรมาการเลี้ยงดูให้เหมาะสม เด็กก็จะกลับมามีพัฒนาการและเติบโตอย่างสมวัยได้  

แชร์บทความนี้
Scroll to Top