ผลไม้บำรุงครรภ์ สำหรับคนท้องมีอะไรบ้าง ใคร ๆ ก็รู้ว่าการที่จะมีสุขภาพที่ดีก็ต้องกินอาหารหลักให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่ในความเป็นจริงแทบจะไม่มีใครที่ทำอย่างนั้น เพราะสถานการณ์ที่แต่ละคนต้องเผชิญไม่เหมือนกัน อย่างบางคนที่ต้องเร่งรีบไปทำงานให้ทัน ก็อาจจะกินอาหารง่าย ๆ อย่างขนมปัง หรือแซนด์วิช หรือบางคนที่ไม่ชอบการกินอาหารหลัก แต่ไปเน้นอาหารกินเล่นอย่างลูกชิ้น หรือไส้กรอก ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราละเลยไป แต่ไม่ว่าอย่างไรการกระทำแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังตั้งท้องอยู่ เพราะคนเป็นแม่จะต้องได้สารอาหารที่เพียงพอเพื่อส่งต่อไปยังลูกน้อย ซึ่งนอกจากอาหารทั่วไปแล้ว ผลไม้บำรุงครรภ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมแร่ธาตุ และวิตามินได้อีกเพียบ แถมยังช่วยเรื่องการขับถ่ายได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ใครอยากรู้ว่ามีประโยชน์ยังไงบ้างก็อ่านไว้เป็นความรู้

ผลไม้บำรุงครรภ์ สำหรับคนท้องมีอะไรบ้าง
1. ส้ม มีทั้งวิตามินบีที่ช่วยป้องกันความพิการทางสมอง และประสาทของทารก บวกด้วยวิตามินซีที่มีต้านอนุมูลอิสระ ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย
2. มะม่วง มีทั้งวิตามินเอช่วยลดภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และลดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ แล้วก็มีวิตามินซีสูงมากเท่ากับที่ร่างกายต้องการ
3. กล้วย มีสารอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโพแทสเซียม, วิตามินบี 6, วิตามินซี และไฟเบอร์ ที่จะช่วยลดอาการท้องผูก, คลื่นไส้อาเจียนระหว่างตั้งครรภ์
4. แอปเปิล มีทั้งโพแทสเซียม, วิตามินเอ, วิตามินซี และไฟเบอร์จำนวนมาก ที่ช่วยลดหอบหืด, ภูมิแพ้ในเด็ก พูดง่าย ๆ ว่าได้ประโยชน์ทั้งแม่และทารกในครรภ์
5. เบอร์รี่ เหมารวมไปเลยกับผลไม้ตระกูลนี้ เพราะเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต, วิตามินซี, ไฟเบอร์ ฯลฯ ที่สามารถช่วยให้แม่ที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีพลังงานมากขึ้น และส่งผ่านทางรกไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้
6. อะโวคาโด มีทั้งวิตามินซี, วิตามินบี, วิตามินเค, ไฟเบอร์, โคลีน, โฟเลต, แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ กับตะคริวได้ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาสมอง และระบบประสาทของทารกในครรภ์
7. มะนาว มีวิตามินซีที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้, กระตุ้นการทำงานของลำไส้, ลดอาการท้องผูก หลังจากกินมะนาวต้องบ้วนปาก หรือแปรงฟันทุกครั้ง เพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดจึงอาจทำลายผิวเคลือบฟันได้
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียง ผลไม้บำรุงครรภ์แบบหลัก ๆ ที่ควรกินใน 1 วัน แล้วต้องครบ 5 ส่วน หรือถ้าในตัวเลือกไม่มีความชอบใดเลย ก็สามารถกินแบบอื่นที่นอกจากนี้ได้ เช่น สับปะรด, มะละกอ, ฝรั่ง, แตงโม, องุ่น ฯลฯ แต่ก็ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดการเป็นเบาหวานได้

การเตรียมผลไม้บำรุงครรภ์
การที่แม่ต้องกิน ผลไม้บำรุงครรภ์ ตลอดระยะเวลา 9 เดือน อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ถ้าเราลองมาประยุกต์ใหม่ โดยเปลี่ยนการกินแบบเดิม ๆ ให้เป็นแบบใหม่ เช่น นำไปร่วมเป็นวัตถุดิบในมื้ออาหาร อย่างการทำสลัด หรือการกินร่วมกับโยเกิร์ต ซึ่งก็จะดูเหมือนว่าการกินแบบนี้ไม่ซ้ำซาก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นน้ำผลไม้ปั่นกินแบบชื่นใจได้ด้วย แต่ก่อนที่แม่จะกินอะไรก็แล้วแต่อย่าลืมคำนึงถึงความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงของกินก็จะต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อลดการเจือปนของสารเคมีที่ติดอยู่ภายนอก ถ้าอยากได้ความสะดวกก็ควรเตรียมไว้ให้ใกล้มือ จะได้หยิบได้ง่ายในเวลาที่อยากกินขึ้นมา

หรือถ้าแม่คนไหนอยากกิน ผลไม้บำรุงครรภ์ที่อยู่ในรูปแบบของน้ำผลไม้ให้ตรวจสอบแหล่งที่มาให้ดี ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต, วันหมดอายุ หรือบรรจุภัณฑ์ที่ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการถูกแกะมาก่อน เพราะถ้าเจอสินค้าในลักษณะแบบนี้ก็มีความเสี่ยงมาก ๆ ที่จะเจอกับแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งอาจส่งผลให้ท้องเสียได้ง่าย ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของทั้งตัวแม่และลูกเอง หากใครที่อ่านแล้วคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ก็สามารถนำไปใช้ หรือว่าจะบอกต่อกับผู้อื่นที่อยากได้ความรู้ก็ได้เช่นกัน อย่างน้อยก็ถือว่าบทความนี้ไม่เสียเปล่า