โรคยอดฮิตในเด็ก ที่ควรระวังในฤดูฝน 

โรคยอดฮิตในเด็ก คือ อีกหนึ่งเรื่องน่าห่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นกังวลอยู่เสมอ เนื่องจากตัวลูกน้อยยังไม่ได้เจริญเติบโตเต็มที่ แน่นอนว่า ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กยังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับตัวเด็ก และนอกเรื่องของภูมิคุ้มกันแล้ว การที่เด็กป่วยเป็นโรคก็มีปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ร่วมด้วย 

อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านทราบกันดีว่า ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน และมีแต่จะยิ่งร้อนขึ้นทุกวัน เรื่องของอากาศก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกัน แต่เมืองไทยไม่ได้มีแค่ฤดูร้อนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีฤดูฝนและฤดูหนาวที่อากาศแตกต่างกัน แต่ก็ส่งผลให้เกิดโรคได้ด้วย ซึ่งในบทความนี้ จะขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ โรคยอดฮิตหน้าฝน ที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและเฝ้าระวังบุตรหลานของท่านเอง

โรคยอดฮิตในเด็ก ที่พบได้บ่อยในฤดูฝน

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศจะเย็นลง มีความชื้นมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ยิ่งในเด็กเล็กที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ ก็จะยิ่งเจ็บป่วยเป็น โรคยอดฮิตในหน้าฝน ได้ง่าย แม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีการตระหนักเรื่องโรคระบาดกันมากกว่าสมัยก่อนแล้วก็ตาม แต่การเฝ้าระวังบุตรหลานของท่านก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น การรู้เท่าทันต่อโรคต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับเด็ก จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสังเกตและป้องกันได้อย่างทันท่วงที และนี่คือ 5 โรคยอดฮิตที่พบในเด็กได้บ่อยในช่วงฤดูฝน

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV 

โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส RSV และเป็นหนึ่งในโรคที่สามารถแพ่ระบาดได้สูงถึง 90% ในเด็กช่วงวัย 2 ปีแรก แม้อาการส่วนใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่ในเด็กกลุ่มเสี่ยง อาทิเช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด (เกิดก่อนอายุครรภ์ 35 สัปดาห์) เด็กที่มีโรคเกี่ยวกับปอดหรือหัวใจ จะมีอาการที่รุนแรงกว่าจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและอาจรุนแรงถึงขั้นที่เด็กเสียชีวิตได้ โรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาเฉพาะทาง แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการฝึกให้เด็กล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และรักษาสุขอนามัยของเด็กอย่างสม่ำเสมอ 

โรคยอดฮิตในเด็ก โรคมือเท้าปาก 

โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่พบในเด็กได้ตลอดทั้งปี แต่จากสถิติที่ทำการสำรวจออกมาแล้ว จะพบว่ามีการระบาดมากขึ้นในฤดูฝน อาการส่วนใหญ่คือ เด็กจะมีไข้ มีผื่นหรือตุ่มใสขึ้นตามฝ่ามือ เท้า และปาก พบได้บ่อยในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี แม้จะเป็นโรคที่สามารถหายเองได้ก็ตาม แต่การป้องกันให้เด็กมีโอกาสป่วยได้น้อยที่สุดก็คือทางเลือกที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงให้เด็กอยู่ในสถานที่แออัด และควรมีกระติกน้ำหรือแก้วน้ำส่วนตัวให้เด็กนำไปใช้ที่โรงเรียน ฝึกให้ลูกน้อยใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารกับเพื่อน ซึ่งโรคมือเท้าปากนี้ แพทย์มักจะแนะนำให้เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปีรับวัคซีน

โรคไข้เลือดออก

เป็นอีกโรคยอดฮิตในเด็ก ที่ระบาดแพร่หลายอย่างมากในฤดูฝน เพราะมีพื้นที่น้ำขังซึ่งเหมาะกับการฟักตัวอ่อนของลูกยุงลาย เด็กที่ได้รับเชื้อจะมีไข้สูงต่อเนื่อง แม้จะทานยาลดไข้ไปแล้ว แต่อาการก็อาจจะไม่ได้เบาลง หากใบหน้าและตาของเด็กแดง เด็กมีอาการปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุตรหลานของคุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้เลือดออกได้ และควรพาเด็กไปพบแพทย์ในทันที ไม่ควรรอให้อาการหนักจนถึงขั้นมีจุดเลือดออก เพราะเด็กอาจจะช็อคได้ การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการจัดการกับตัวอ่อนของยุงลาย รวมไปถึงแพทย์อาจแนะนำให้เด็กทำวัคซีนด้วยก็ได้ 

โรคท้องเสียหรืออุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า

ไวรัสโรต้า คือ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงเฉียบพลันในเด็ก พบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ติดต่อได้ง่ายหากเด็กนำมือที่สัมผัสเชื้อเข้าทางปาก ตัวเชื้อสามารถติดต่อกันผ่านของเล่นและของใช้ได้ เมื่อเด็กได้รับเชื้อแล้ว มักจะคลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลวต่อเนื่อง เด็กบางรายอาจมีไข้สูง หากท้องเสียติดต่อกัน เด็กอาจเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ส่งผลเด็กช็อคและรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เด็กสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าได้ตั้งแต่ยังเป็นทารกอายุ 2 เดือนขึ้นไป 

โรคไข้หวัดใหญ่ 

โรคไข้หวัดใหญ่สามารถพบได้ทั้งปี เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น และยังสามารถพบในผู้ป่วยทุกวัยได้อีกด้วย นั่นยิ่งทำให้โรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อผ่านทางคนในครอบครัวได้ง่ายมาก ๆ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กสามารถเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างโรคปอดอักเสบ ได้อีกด้วย โรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุจะมีอาการรุนแรงมากกว่าวัยอื่น ๆ เด็กสามารถรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ก่อนเริ่มเข้าฤดูฝนประมาณ 1-2 เดือน และเด็กสามารถเข้ารับการทำวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป 

โรคยอดฮิตในเด็ก 5 โรคที่มักมาพร้อมกับหน้าฝนที่ Happybaby นำมาให้ทุกท่านอ่านในวันนี้ จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสังเกตและหาแนวทางป้องกันให้กับบุตรหลานของท่านได้ เพราะเด็กเล็กมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่พบว่าบุตรหลายของท่านป่วย ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์โดยทันที