ลูกพูดช้า สังเกตว่าลูกพูดช้าหรือไม่ สัญญาณเตือนคืออะไร หากพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็กทุกคนเป็นไปอย่างปกติ ก็คงไม่มีคำถามที่ว่าทำไมลูกจึงเดินช้า? ทำไมลูกถึงตัวเล็ก? ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่พ่อแม่ทุกคนเกิดความกังวลกันมาก อาจเนื่องจากการนำลูกของตัวเองไปเปรียบเทียบกับเด็กในช่วงวัยเดียวกัน ที่สามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ตามเกณฑ์ แต่จริง ๆ มันเป็นเรื่องปกติมาก เหมือนกับปัญหาเรื่อง ลูกพูดช้า ที่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พ่อแม่หลายคนถึงกับเครียด เพราะกลัวว่าเมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียนแล้วจะไม่สามารถสื่อสารได้

ลูกพูดช้า สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าลูกน่าจะเป็นเด็กพูดช้า
ความจริงแล้วในการสื่อสารของเด็กอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องพูดเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งการแสดงออกในเด็กเล็กก็สามารถสื่อสารออกมาจากท่าทางได้ หรือพ่อแม่บางคนก็เชื่อว่าเดี๋ยวลูกก็คงพูดได้เอง แต่ถ้าหากถึงช่วงวัยที่น่าจะเริ่มพูด แต่ลูกไม่พูด หรืออาจจะสื่อสารความต้องการไม่ได้ พ่อแม่ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไป เพราะนั่นอาจเป็น สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าลูกน่าจะเป็นเด็กพูดช้า ดังนั้น พ่อแม่ควรพาลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบด้านพัฒนาการว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นมาก็จะได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที โดยพ่อแม่อาจสังเกตได้ ดังนี้
- ช่วงอายุ 6 – 10 เดือน ไม่มีการส่งเสียง หรือตอบโต้ต่อสิ่งที่ได้ยิน และไม่หัวเราะ
- ช่วงอายุ 1 ปี ไม่สามารถเรียกชื่อบุคคลในครอบครัว และแสดงท่าทางปฏิเสธไม่ได้
- ช่วงอายุ 1 ปี 3 เดือน ไม่เข้าใจคำสั่ง และพูดแต่คำที่ไม่มีความหมาย
- ช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน ไม่เข้าใจคำสั่ง พูดไม่หยุดโดยไม่มีความหมาย และไม่ต่อเนื่อง
- ช่วงอายุ 2 ปี พูดคำที่มีความหมายติดกัน 2 คำไม่ได้ และไม่สามารถชี้จุดตามร่างกายได้
- ช่วงอายุ 3 ปี พูดไม่เป็นประโยค สื่อสารกับผู้อื่นไม่ได้ และทำตามคำสั่งแบบต่อเนื่องไม่ได้
- ช่วงอายุ 4 ปี บอกเล่าเรื่องราวให้ผู้อื่นฟังไม่ได้ และมีอาการพูดติดอ่าง

ความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจทำให้เด็กพูดช้ามีอะไรบ้าง
- ความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่พูด เนื่องจากว่าไม่ได้ยินเสียง หรืออาจได้ยินไม่ชัด ก็เลยแสดงออกมาเป็นท่าทางแทนการพูด ทำให้พ่อแม่คิดไปว่าลูกแค่ยังไม่พูดเฉย ๆ
- สติปัญญา เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่น สังเกตได้ในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน ถ้าหากทำทุกอย่างช้าไปหมด แล้วขาดทักษะในช่วงวัยที่ควรทำได้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะผิดปกติ
- โรคออทิสติก เป็นโรคที่ถูกจัดไว้ว่าอาจเกิดขึ้นได้ เพราะอย่างที่รู้กันว่าคนที่เป็นโรคนี้จะมีพัฒนาการช้าแบบเห็นได้ชัด เช่น ความจำไม่ค่อยดี หรือสื่อสารกับผู้อื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง
- พัฒนาการด้านการพูด จะเป็นปัญหาเกี่ยวเนื่องกับการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต เพราะว่าลูกจะไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นให้รู้เรื่องได้ และจะแสดงออกด้วยท่าทางเพียงอย่างเดียว
- พฤติกรรมการเลี้ยงดู ส่วนนี้ถือเป็นปัจจัยภายนอก ที่พ่อแม่หลายคนมักจะปล่อยให้ลูกดูจอนาน ๆ โดยไม่จำกัดเวลา ทำให้ทักษะในด้านการสื่อสารกับผู้อื่นต่ำ
วิธีส่งเสริมพัฒนาการด้านการพูด
- อ่านหนังสือ ซึ่งอาจจะเป็นหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบสวยงาม เพื่อดึงดูดใจให้ลูกฟังจนจบ หลังจากนั้นก็ชวนกันเล่นเกม เช่น การทายคำศัพท์ หรือการบอกเล่าเรื่องราว
- การพูดคุย จะทำให้ลูกกล้าที่จะเปิดใจแล้วเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวันให้พ่อแม่ฟัง ไม่ว่าลูกจะเล่าแบบไหนก็ต้องตั้งใจฟัง เพื่อให้ลูกรู้ว่าสามารถบอกกับพ่อแม่ได้
- สอนการเรียกชื่อ ไม่ว่าจะเป็นคน, สัตว์, สิ่งของ ให้ลูกรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร โดยต้องคอยสอนบ่อย ๆ เพื่อให้ลูกค่อย ๆ ซึมซับ และจำได้ในที่สุด เมื่ออยากได้สิ่งใดจะได้บอกความต้องการถูก
- เวลา เป็นสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่พ่อแม่ปล่อยจอไว้กับลูก แค่เครื่องเดียวก็อยู่ได้หลายชั่วโมง นั่นหมายความว่าจะทำให้ลูกมีโลกที่ไม่อยากพูดคุยกับใครเลย