6 โรคยอดฮิตหน้าหนาวในเด็ก คุณแม่เตรียมรับมือ ช่วงนี้ก็ใกล้จะเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศจะแห้งและเย็นมากกว่าปกติ อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลง ถือเป็นช่วงที่เอื้ออำนวยต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคร้ายต่างๆ ยิ่งในเด็กเล็กๆ ยิ่งต้องเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายๆ วันนี้เราจึงมี 6 โรค ยอดฮิตในเด็ก ที่มาพร้อมๆ กับลมหนาว รวมถึงอาการและวิธีการป้องกันมาให้คุณแม่ๆ ได้เตรียมการรับมือกันไว้ล่วงหน้า

6 โรคยอดฮิตหน้าหนาวในเด็ก คุณแม่เตรียมรับมือ
1. โรคไข้หวัด
ไข้หวัดพบได้ทุกฤดูแต่จะพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศจะเย็นส่งผลให้ติดเชื้อและป่วยง่ายขึ้นถึง 2 เท่า โดยเฉพาะในเด็กเล็กภูมิต้านทานจะต่ำกว่าผู้ใหญ่ ก็จะเสี่ยงติดเชื้อโรคได้ง่ายมากขึ้น และมักเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงกว่าด้วย
- อาการของโรค มีน้ำมูกใส, คัดจมูก, ไอ, จาม และมีไข้ไม่สูงมากประมาณ 1 – 2 วัน อาจรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว โดยมักหายเองภายใน 3 – 7 วัน
- การป้องกัน หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือการคลุกคลีกับผู้สุ่มเสี่ยง ควรรักษาความสะอาดของใช้ต่างๆ อยู่เสมอ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ทานอาหารครบ 5 หมู่ และควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
2. โรคไข้หวัดใหญ่
โรคนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับโรคไข้หวัดธรรมดาแต่อาการจะรุนแรงกว่า โดยเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ( Ifluenza Virus ) ซึ่งสายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B โดยมักติดต่อจากละอองฝอยน้ำลาย น้ำมูกหรือเสมหะ
- อาการของโรค มีไข้สูง, ปวดศีรษะ, คัดจมูก, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, ไอแห้ง, อ่อนเพลีย, ปวดเมื่อยตัว เด็กบางรายอาจคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วงร่วมด้วย
- อาการของโรค มีไข้สูง, ปวดศีรษะ, คัดจมูก, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, ไอแห้ง, อ่อนเพลีย, ปวดเมื่อยตัว เด็กบางรายอาจคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วงร่วมด้วย
3. โรคปอดบวม
โรคปอดบวมเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้ออื่นๆ ที่ส่งผลให้ปอดอักเสบจนกลายเป็นหนองในถุงลม ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ โดยสามารถติดต่อกันได้ผ่านละอองฝอยน้ำลาย น้ำมูกหรือเสมหะ และมักพบโรคนี้ในเด็กเล็กๆ ที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี
- อาการของโรค มีไข้สูง, มีเสมหะ, ไอ, เหนื่อยหอบง่าย, หายใจเร็ว, หายใจลำบาก, หายใจแรง และอาจถึงขั้นรุนแรงจนทำให้ปอดและหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิตได้
- อาการของโรค มีไข้สูง, มีเสมหะ, ไอ, เหนื่อยหอบง่าย, หายใจเร็ว, หายใจลำบาก, หายใจแรง และอาจถึงขั้นรุนแรงจนทำให้ปอดและหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิตได้

4. โรคอีสุกอีใส
โรคนี้มักจะเกิดในเด็กเล็ก สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำของผู้ป่วย หรือสัมผัสสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนกับสิ่งของ และยังติดต่อได้ผ่านการหายใจเอาละอองตุ่มน้ำเข้าไป
- อาการของโรค มีไข้ต่ำๆ เริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ต่อมาเริ่มเป็นตุ่มนูนและกลายเป็นตุ่มน้ำใส ผ่านไปสักระยะจะตกสะเก็ดและหายไปเอง แต่จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
- การป้องกัน ควรฉีดวัคซีนป้องกัน โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้
5. โรคอุจจาระร่วง
โรคนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากเชื้อไวรัสโรต้าที่มักพบบ่อยในฤดูหนาว ซึ่งถ้าเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ก็จะมีอาการรุนแรง โดยสามารถติดต่อได้จากการทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส
- อาการของโรค มีไข้, อ่อนเพลีย, อาเจียน, ท้องเสีย, ถ่ายเหลว และความรุนแรงอาจขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อโรคที่ได้รับ
- การป้องกัน ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังทานอาหาร ดูแลทำความสะอาดของเล่นและของใช้บ่อยๆ ควรฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้า ก็จะช่วยลดโอกาสเป็นโรคอุจจาระร่วงได้
6. โรคหัด
โรคหัดมักระบาดช่วงปลายฤดูหนาวไปจนถึงฤดูร้อน ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสรูบีโอราไวรัส สามารถติดต่อได้จากการรับละอองฝอยของผู้ที่เป็นโรคเข้าสู่ร่างกาย ผ่านการไอและจาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่
- อาการของโรค มีไข้สูง 3 – 4 วัน, มีน้ำมูก, ไอแห้ง, ซึม, เบื่ออาหาร และอาจมีตาแดง หลังจากนั้นจะเริ่มมีผื่นเป็นจุดแดงเล็กๆ บริเวณหลังหูและจะลามไปที่ใบหน้าและร่างกาย จากนั้น 2 – 3 วัน ผื่นจะจางลงและสีคล้ำขึ้น โดยจะหายได้เองภายใน 7 – 14 วัน
- การป้องกัน หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยหรือผู้สุ่มเสี่ยง ให้เด็กๆ หมั่นล้างมือบ่อยๆ และควรได้รับวัคซีนป้องกันโรค โดยแนะนำให้ฉีดตั้งแต่เด็กอายุ 9 เดือนขึ้นไป

และทั้งหมดนี้ก็คือ 6 โรคยอดฮิตหน้าหนาวในเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมรับมือกันไว้ เพราะช่วงฤดูหนาวเชื้อโรคจะเติบโตได้ดี บวกกับร่างกายของคนเราอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ ภูมิต้านทานจะต่ำกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการรุนแรงและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ