ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารก

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารกที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนต้องรู้ไว้

เมื่อเอ่ยถึงความเชื่อโบราณเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เชื่อว่าคุณแม่หลาย ๆ คนก็อาจได้รับการปลูกฝังกันมาบ้างแล้ว ซึ่งบางอย่างก็ได้รับการเล่าขานกันมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งก็มีให้ทั้งเรื่องที่ไม่ดีและดีปะปนกันไป แต่บางครั้งความเชื่อก็ควรอยู่ในวิจารณญาณและขึ้นอยู่กับความจริงด้วย ซึ่งในวันนี้ Happybabys แม่และเด็ก ก็เลยรวบรวม ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารกมาแบ่งปันให้กับคุณแม่มือใหม่ทุกท่านกัน

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารก

ไขข้อสงสัย! ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารก พร้อมทฤษฎีที่พิสูจน์ได้

แม้ว่าความเชื่อจะเป็นสิ่งที่เกิดการปลูกฝังมาตั้งแต่อดีต แต่หากคุณแม่ไม่ได้รับการคลายข้อสงสัยก็อาจทำให้คุณแม่ยึดติดอยู่กับความเชื่อเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากความจริงได้ ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารก พร้อมด้วยทฤษฎีที่พิสูจน์ได้มาแบ่งปันให้กับทุกคนได้รู้จักกันดู จะมีความเชื่ออะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

ทารกตัวเหลืองเพราะขาดน้ำ

คุณแม่หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมลูกน้อยถึงเกิดมาตัวเหลือง ซึ่งความจริงแล้วการที่ลูกน้อยตัวเหลืองนั้นมักเป็นภาวะปกติที่พบได้ในเด็กทารกที่มีอายุ 1 วันจนถึง 14 วัน ซึ่งภายหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวไป ลูกน้อยก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยตัวเหลืองมักเกิดขึ้นจากสารสีเหลืองที่ชื่อว่า บิลิรูบิน ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในปริมาณมากตามกระแสเลือด โดยส่วนใหญ่แล้วสารชนิดนี้มักถูกขับออกทางตับและส่งผ่านไปยังอุจจาระ ทำให้ตัวของลูกน้อยกลับคืนสู่สีผิวปกติ

ดัดขาลูกตั้งแต่เด็กเพื่อป้องกันขาโก่ง

คุณแม่หลาย ๆ คนอาจกลัวลูกเกิดมาแล้วขาโก่ง จึงทำการดัดขาลูกตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งวิธีการนี้เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์เลย เพราะยิ่งคุณแม่ดัดขาลูกแรงจนเกินไปอาจทำให้สรีระที่ปกติของลูกน้อยบิดหรือกระดูกหักได้ ดังนั้นก่อนที่จะดัดขาลูก ควรสังเกตความโก่งของขาลูกให้ดีเสียก่อน เพราะหากลูกน้อยมีลักษณะขาซ้ายและขาขวาที่ไม่เท่ากันก็อาจเป็นผลมาจากการลงน้ำหนักไปที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากจนเกินไป ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองหลังจากที่ลูกน้อยอายุครบ 3 ปี แต่หากยังมีอาการขาโก่งอยู่ คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์จะดีที่สุด

ให้ลูกนอนคว่ำจะได้หัวสวย

ความเชื่อที่ว่าให้ลูกน้อยนอนคว่ำหน้าจะได้หัวกลมสวยกลับเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะด้วยช่วงอายุที่ยังเพิ่งเจริญเติบโตก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจติดขัดได้ ยิ่งถ้าลูกน้อยมีอาการหวัดลงคอหรือเพิ่งทานนมมาอิ่ม ๆ แล้วให้ลูกนอนคว่ำหน้า ก็อาจทำให้ลูกเกิดการสำลักได้ แต่การให้ลูกนอนคว่ำก็มีส่วนช่วยให้ลูกหัวกลมสวยได้เช่นกัน ทั้งนี้คุณแม่ควรเริ่มฝึกให้ลูกนอนคว่ำในช่วงวัย 6 เดือนขึ้นไปจะดีที่สุด และในขณะที่ลูกนอนคว่ำหน้าควรดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงพยายามหาหมอนหรือฟูกนุ่ม ๆ มาช่วยรองรับตัวลูกน้อยอีกทีหนึ่ง

บีบจมูกช่วยให้ลูกจมูกโด่งขึ้น

สำหรับคุณแม่หลาย ๆ คนที่กลัวว่าลูกจะโตมาแล้วไม่มีดั้งหรือดั้งแหมบ จึงทำการดึงจมูกของลูกเป็นประจำทุกวันเพื่อหวังว่าจมูกของลูกจะโด่งขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ขอบอกเลยว่าเป็นเพียงความเชื่อที่ยังไม่มีข้อสันนิษฐานชัดเจนมากนัก เพราะในช่วงที่ลูกยังเด็กก็อาจยังมีกระดูกที่ไม่เจริญเติบโตเท่าไหร่ หนำซ้ำการบีบจมูกแรง ๆ ยิ่งทำให้จมูกของลูกเกิดการอักเสบได้ ดังนั้นคุณแม่ควรรอให้พัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกเติบโตด้วยตัวเองจะดีที่สุด

โกนผมไฟจะช่วยให้ผมดกดำ

เมื่อพูดถึงความเชื่อเรื่องเส้นผมของทารกในช่วงแรกเกิดจะต้องโกนผมไฟเพื่อช่วยให้ผมดกดำนั้น มักเป็นความเชื่อที่มีทั้งจริงและไม่จริง เพราะด้วยสภาพเส้นผมของทารกที่มีมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดามักมีความอ่อนแออยู่แล้ว ซึ่งการโกนผมก็อาจเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยผมเส้นใหม่มีความแข็งแรงกว่าผมอ่อนที่ติดมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่โกนผมลูกน้อยแต่ผมที่ติดมาตั้งแต่แรกเกิดก็จะหลุดออกเองตามธรรมชาติโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ก็จะมีการผลัดเส้นผมขึ้นมาใหม่ได้เองตามธรรมชาติเลย

เอาผ้าอ้อมเปียกกวาดลิ้นจะได้ลิ้นไม่เป็นฝ้า

สำหรับคุณแม่ท่านใด ที่ยังมีความเชื่อโบราณว่าการใช้ผ้าอ้อมเปียกกวาดลิ้นลูกน้อย จะช่วยให้ลิ้นลูกน้อยไม่เป็นฝ้า ขอบอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างยิ่งเลย เพราะฉี่คือของเสียที่ขับออกมาตามร่างกาย ซึ่งหากเอามาโดนลิ้นของลูกก็อาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และเป็นสาเหตุให้ลูกเจ็บป่วยได้ ดังนั้นแล้ววิธีการง่าย ๆ ควรหาผ้ามาชุบน้ำต้มสุกแล้วเช็ดที่ลิ้นลูกน้อยเบา ๆ เพียงเท่านี้ลูกก็จะไม่มีปัญหาเรื่องลิ้นเป็นฝ้าแล้ว

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับเด็ก

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารก ความเชื่อที่พ่อแม่ต้องระวัง

อย่างที่เราได้พูดเกี่ยวกับความเชื่อโบราณเกี่ยวกับทารกมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเชื่อโบราณ ที่มีทั้งความจริงและไม่จริง แม้ว่าความเชื่อโบราณเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ถูกปฏิบัติตามกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่ก็อย่าได้หลงเชื่อหรือทำตามทั้งหมด ดังนั้นก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะทำอะไรก็ควรใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลของความเชื่อโบราณต่าง ๆ ให้ดีกันเสียก่อน เพราะหากทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้นั่นเอง


แชร์บทความนี้
Scroll to Top