การนอนหลับของลูกน้อย

การนอนหลับของลูกน้อย ส่งผลให้พัฒนาการดีกว่าที่คิด

การนอนหลับของลูกน้อย ส่งผลให้พัฒนาการดีกว่าที่คิด การนอนหลับ คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคนเราได้รับการฟื้นฟูบำบัดและถือว่าเป็นการได้ชาร์จพลังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ การนอนหลับไม่ได้เป็นเพียงแค่การพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านสมองอีกด้วย เพราะสมองของเด็กน้อยจะมีการตื่นตัวและพร้อมสำหรับการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาแม้ในยามที่หลับใหล

การนอนหลับของลูกน้อย

การนอนหลับของลูกน้อย ในภาวะปกติ

โดยปกติแล้วการนอนหลับของคนเรามักจะดำเนินเป็นวัฏจักร หรือที่เรียกกันว่า “Sleep Cycle Sleep Cycle” ซึ่งจะมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิด โตเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดย Sleep Cycle จะเริ่มที่ทารกอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เป็นการเริ่มจากหลับตื้นหรือหลับลึก เรียกว่าเป็นช่วง Non-rapid Eye Movement Sleep และการหลับที่มีการกลอกตาไปมา ซึ่งอาจมีความฝันเกิดขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว เรียกว่าอยู่ในช่วง Rapid Eye Movement Sleep

ซึ่งในเด็กเล็กจะมี sleep cycle ที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 60 นาที และใช้ระยะเวลา 90 นาทีในวัยผู้ใหญ่ โดยในเด็กจะมีการเกิด REM sleep และพบ slow wave sleep หรือที่เรียกว่าการหลับลึกได้มากกว่าในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองแห่งการเรียนรู้ ที่มีทั้งปัจจัยภายใน อันได้แก่ สารสื่อประสาท และฮอร์โมนชนิดต่างๆ อาทิ เมลาโทนิน โดยจะทำงานสัมพันธ์กันกับปัจจัยภายนอก อย่างเช่น แสง เป็นต้น

การนอนหลับของลูกน้อย

การนอนหลับของลูกน้อย ที่เหมาะสมตามช่วงอายุ มีดังนี้

  • เด็กทารกอายุ 4 – 12 เดือน เหมาะกับการนอนหลับที่ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน
  • เด็กเล็กอายุ 1 – 2 ปี เหมาะกับการนอนหลับ 11 – 14 ชั่วโมงต่อวัน
  • เด็กอายุ 3 – 5 ปี เหมาะกับการนอนหลับ 10 –  ชั่วโมงต่อวัน
  • เด็กโตอายุ 6 – 12 ปี เหมาะกับการนอนหลับ 9 – 12 ชั่วโมงต่อวัน
  • วัยรุ่นอายุ 13 – 18 ปี เหมาะกับการนอนหลับ 8 – 10 ชั่วโมงต่อวัน

ทำอย่างไรให้ลูกน้อยได้รับการนอนหลับที่ดีมีคุณภาพ ( Good Sleep Hygiene )

  • อันดับแรกคือต้องให้ลูกน้อยเข้านอนและตื่นนอนในเวลาที่สม่ำเสมอทุกๆ วัน โดยควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
  • ใช้เวลาทำกิจกรรมก่อนเข้านอนไม่เกิน 30 – 45 นาที และควรเน้นไปที่กิจกรรมที่ช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสบาย เช่น เล่านิทานก่อนนอน อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น หรือร้องเพลงกล่อมนอน เป็นต้น
  • สภาพแวดล้อมภายในห้องนอนมีผลต่อการพักผ่อนของลูกน้อย ดังนั้นควรจัดให้ห้องนอนเงียบสงบ ไม่มีทีวีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ให้อากาศร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป และนอกจากนี้ควรมีม่านกำบังแสงในเวลากลางคืน และสามารถเปิดรับแสงแดดอุ่นๆ ในตอนเช้าได้
    • ไม่ควรให้ลูกน้อยเล่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
    • ก่อนเข้านอนไม่ควรให้ลูกน้อยดื่มน้ำมากจนเกินไป
    • ในระหว่างวัน เด็กเล็กๆ ควรให้นอนกลางวันบ้างแต่ไม่ควรเกินบ่ายสาม
    • สำหรับเด็กวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่หากอยู่บนเตียงนานกว่า 20 นาที ยังนอนไม่หลับ แนะนำให้ลุกมาทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย อย่างเช่น อ่านหนังสือคลายเครียด ให้รู้สึกง่วงแล้วค่อยไปนอนใหม่
การนอนหลับของลูกน้อย

จะเห็นได้ว่าการนอนหลับมีความสำคัญอย่างมากต่อลูกน้อย เพราะช่วงเวลาแห่งการนอนหลับถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สมองได้เก็บสั่งสมประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้มีการเรียนรู้ในแต่ละวัน พร้อมสำหรับการเก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำในระยะยาว ทำให้เด็กๆ สามารถจดจำเรื่องราวหรือสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้เซลล์ประสาทต่างๆ ได้เจริญเติบโตเต็มที่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเรียนรู้เมื่อตื่นขึ้นมา แต่หากลูกน้อยได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน อาจทำให้ลูกมีอาการหงุดหงิด ร้องไห้โยเย และนอกจากนี้ก็ส่งผลต่อการเรียนรู้ การจดจำสิ่งต่างๆ ไปจนถึงอาจปิดกั้นการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองได้อีกด้วย

แชร์บทความนี้
Scroll to Top