โรคครูป ถือเป็นโรคที่มักพบได้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี และเป็นโรคที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จัก หรือแทบไม่เคยจะได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ และที่เราบอกว่าเป็นโรคที่ไม่เงียบ นั่นเป็นเพราะอาการที่เด่นชัดของเด็กที่ป่วยคืออาการไอ หายใจลำบาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรจะเฝ้าระวัง และคอยสังเกตอาการของลูกด้วย เพราะโรคนี้มักจะพบได้ง่ายในช่วงฤดูฝน
บทความของ Happybabys แม่และเด็ก ในวันนี้ จะขอพาผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับโรคครูป ทั้งในเรื่องสาเหตุของการเกิดโรค อาการของโรค รวมไปถึงการดูแลเด็กที่มีอาการป่วยด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักและระวังโรคนี้ไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านเนื้อหาที่เรานำมาเสนอได้เลยค่ะ
โรคครูป คืออะไร
ครูป หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า Laryngotracheobronchitis คือการอักเสบของเยื่อทางเดินหายใจ ตั้งแต่กล่องเสียงลงไปที่หลอดลม ทำให้มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการครูปจะไม่รุนแรงมากและสามารถหายเองได้ โรคนี้มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน พบได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบบ่อยที่สุดในเด็กที่มีอายุประมาณ 2 ปี
สาเหตุของการเกิดโรค
โรคครูป เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหลายชนิด แต่โดยส่วนใหญ่ โรคครูปสาเหตุ มักจะเกิดจากการติดเชื้อพาราอินฟลูเอนซา ซึ่งเป็นไปได้ว่าเด็กอาจติดเชื้อจากการหายใจสูดเอาละอองที่มีเชื้อไวรัสเข้าร่างกาย หรือจากการสัมผัสกับของเล่นเด็กและพื้นผิวของวัสดุต่าง ๆ บางรายที่ติดเชื้อและมีอาการครูป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย ซึ่งจะมีความรุนแรงมากกว่าการติดเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ได้อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ กรดไหลย้อน ได้ด้วยเช่นกัน
อาการและความรุนแรงของ โรคครูป
เด็กที่ป่วยเป็นโรคครูป มักเริ่มจากอาการคล้ายเป็นหวัด โดยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ หลังจากนั้น 1-3 วัน การอักเสบติดเชื้อจะลุกลามไปยังกล่องเสียงและหลอดลม ทำให้เกิดการบวม มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก หายใจเสียงดัง ไอแบบมีเสียงก้อง หากเป็นมาก ๆ จะมีเสียงไอคล้ายเสียงสุนัขเห่า
ในส่วนของความรุนแรงของอาการ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ความรุนแรงน้อย เด็กที่ป่วยยังสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ อาจมีอาการไอเสียงก้องบ้างเป็นบางครั้ง
- ความรุนแรงปานกลาง เด็กจะมีอาการไอเสียงก้องเกือบตลอดเวลา ขณะพักหายใจจะมีเสียงลมผ่านปอด หายใจอกบุ๋ม
- ความรุนแรงมาก เด็กจะมีอาการไอเสียงก้อง ระดับความรู้สึกตัวลดลง อ่อนเพลีย ไม่สนใจบุคคลและสิ่งแวดล้อม
การรักษาและการป้องกัน
การรักษาจะถูกแบ่งตามระดับความรุนแรงของอาการเช่นกัน โดยแพทย์ผู้เชียวชาญจะมีแนวทางการรักษาดังนี้
- ความรุนแรงน้อย แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ โดยให้ยาละลายเสมหะหรือยาขยายหลอดลม ให้ดื่มน้ำมาก ๆ ผู้ป่วยสามารถรักษาตามอาการที่บ้านได้
- ความรุนแรงปานกลาง แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ให้สารน้ำทางเลือด ฉีดยา และพ่นยาเพื่อลดอาการบวมของทางเดินหายใจ
- ความรุนแรงมาก รักษาโดยการให้ออกซิเจน และจะมีการพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ หากอาการไม่ดีขึ้น
ในส่วนของการป้องกัน คุณพ่อคุณแม่ควรมีแนวทางป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคครูป โดยทำตามคำแนะนำเหล่านี้
- ใช้ทิชชู่ปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม ทิ้งทิชชู่ที่ใช้แล้วทันที รวมถึงล้างมือให้สะอาด
- ฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากสามารถป้องกันเชื้อบางชนิดที่เป็นสาเหตุของกลุ่มอาการครูปได้
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในชุมชนแออัด เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก โดยเฉพาะช่วงที่มีไข้หวัดระบาด
- ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นหวัด ไม่ควรอยู่ใกล้ชิด/สัมผัสเด็ก ควรใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่ออยู่ใกล้เด็ก
- รักษาความสะอาดภายในบ้าน รวมถึงอุปกรณ์ ของเล่น และข้าวของเครื่องใช้ของเด็ก ให้สะอาดเสมอ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ